
การพยายามลดไขมันเฉพาะส่วนมานาน ไม่ว่าจะด้วยการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร แต่ไขมันดื้อบางส่วนก็ไม่ยอมที่จะหายไปง่าย ๆ ซึ่งโปรแกรม CoolSculpting เป็นทางเลือกหนึ่งทีใช้เทคโนโลยีนี้สลายไขมันด้วยความเย็น โดยผ่านการควบคุมอุณหภูมิในการกำจัดไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด เจ็บน้อย และไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลลัพธ์อย่างดูเป็นธรรมชาติ บทความนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับโปรแกรม CoolSculpting ให้มากขึ้น ว่าทำไมถึงได้รับความนิยมในการกำจัดไขมันส่วนเกิน
CoolSculpting คืออะไร
หลักการทำงานของ CoolSculpting
CoolSculpting พัฒนามาจากหลักการสลายไขมันด้วยความเย็น โดยเน้นกำจัดเซลล์ไขมันเฉพาะจุดอย่างตรงเป้าและค่อนข้างปลอดภัย โดยไม่กระทบต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง ซึ่งมีรายละเอียดการทำงานดังนี้
- ใช้ความเย็นเฉพาะจุดในอุณหภูมิที่เหมาะสม โดยการใช้ความเย็นที่ระดับ -11°C ถูกส่งผ่านหัวเครื่องไปยังชั้นไขมันใต้ผิวหนังโดยไม่ทำลายผิวหรือเส้นประสาท
- เซลล์ไขมันแข็งตัวและสามารถกำจัดออกได้ เซลล์ไขมันมีความไวต่อความเย็นมากกว่าชั้นผิว เมื่อโดนแช่แข็งจะเกิดกระบวนการกำจัดไขมันออกจากร่างกายตามกระบวนการธรรมชาติ
- กำจัดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกจากระบบ ภายใน 1–3 เดือนหลังทำ ร่างกายจะขจัดเซลล์ไขมันผ่านกระบวนการเมตาบอลิซึมตามธรรมชาติของร่างกาย
ข้อดี-ข้อจำกัดของการทำ CoolSculpting
แม้ว่า CoolSculpting จะเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมสูงในการกำจัดไขมันเฉพาะจุด แต่เช่นเดียวกับหัตถการอื่น ๆ ก็จะมีทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ เพื่อให้สามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมกับร่างกายของเราได้
ข้อดีของ CoolSculpting
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีหลังทำ
- กำจัดเซลล์ไขมันได้เป็นอย่างดี ไขมันที่ถูกแช่แข็งจะถูกกำจัดออกจากร่างกายโดยไม่กลับมาอีก หากควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง
- เห็นผลชัดเจนในบริเวณที่ดื้อไขมัน เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา เอว สะโพก ที่มักลดได้ยากด้วยการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว
- ไม่ต้องใช้ยาชาหรือเข็ม ลดความกังวลในผู้ที่กลัวการฉีดยาหรือการทำหัตถการแบบรุกราน
ข้อจำกัดของ CoolSculpting
- ไม่ใช่วิธีลดน้ำหนักทั้งตัว เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักตัวคงที่ และต้องการลดไขมันเฉพาะส่วน ไม่ใช่การลดน้ำหนักทั้งร่างกาย
- ผลลัพธ์ค่อยเป็นค่อยไป ต้องรอเวลาประมาณ 1–3 เดือน จึงจะเห็นผลเต็มที่จากการที่ร่างกายขจัดเซลล์ไขมันออกไป
- อาจต้องทำมากกว่า 1 ครั้ง โดยเฉพาะในกรณีที่มีไขมันสะสมปริมาณมาก หรือมีหลายบริเวณที่ต้องการกำจัดไขมัน
- ไม่เหมาะกับผู้มีภาวะบางอย่าง เช่น โรคเกี่ยวกับความเย็น, ภาวะผิวหนังอักเสบ, หรือผู้ตั้งครรภ์
- อาจเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อยหลังทำ เช่น รู้สึกชา ผิวแดง หรือบวมบริเวณที่ทำ ซึ่งจะหายไปภายในไม่กี่วัน
CoolSculpting มีกี่หัว
หนึ่งในจุดเด่นของโปรแกรม CoolSculpting คือการมีหัวเครื่อง (Applicator) ให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย เพื่อให้เหมาะกับสรีระและตำแหน่งที่ต้องการกำจัดไขมันเฉพาะจุด โดยแต่ละหัวได้รับการออกแบบให้เข้ากับรูปทรงของร่างกายแต่ละส่วน ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งหัวเครื่องที่ใช้ในมีดังนี้
- โปรแกรม CoolAdvantage หัวเครื่องขนาดกลางที่สามารถทำได้หลายบริเวณ เช่น หน้าท้อง เอว สะโพก และต้นขาด้านนอก ให้พลังความเย็นที่สม่ำเสมอและลดระยะเวลาในการทำ
- โปรแกรม CoolAdvantage Plus หัวเครื่องขนาดใหญ่ เหมาะกับพื้นที่กว้าง เช่น หน้าท้องหรือหลัง ช่วยครอบคลุมพื้นที่ไขมันได้มากในครั้งเดียว
- โปรแกรม CoolAdvantage Petite สำหรับบริเวณที่เล็กลง เช่น ต้นแขน ต้นขาด้านใน หัวเข่า เหมาะกับคนที่มีรูปร่างเล็กหรือไขมันไม่มาก
- โปรแกรม CoolMini หัวเครื่องขนาดเล็กที่สุด ออกแบบมาเฉพาะสำหรับใช้กับบริเวณใต้คาง (เหนียง), รักแร้, และส่วนเล็ก ๆ ที่เข้าถึงยาก
- โปรแกรม CoolSmooth PRO หัวเครื่องแบบไม่มีการดูดสูญญากาศ เหมาะกับบริเวณที่มีไขมันแน่น เช่น ต้นขาด้านนอก และไม่เหมาะกับการใช้แรงดูด
- โปรแกรม CoolFit หัวเครื่องทรงยาว ใช้ได้กับบริเวณที่ไขมันลึกและแน่น เช่น ต้นขาด้านในหรือแขน
CoolSculpting เหมาะกับใคร
โปรแกรม CoolSculpting ถูกออกแบบมาเพื่อลดไขมันเฉพาะจุด จึงเหมาะกับกลุ่มคนที่ต้องการปรับรูปร่างให้กระชับขึ้น ไขมันในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายลดน้อยลง โดยเหมาะกับกลุ่มคนที่มีลักษณะดังนี้
- ผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา เหนียง เอว หรือหลัง ที่ลดลงได้ยากแม้จะควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายแล้ว
- ผู้ที่มีน้ำหนักตัวคงที่ เหมาะกับผู้ที่รูปร่างโดยรวมอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่อ้วนมากเกินไป แต่ต้องการปรับเฉพาะจุดให้ดูสมส่วนขึ้น
- ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดหรือพักฟื้น เช่น คนที่มีเวลาจำกัด หรือไม่ต้องการหยุดงานหลังการทำหัตถการ
- ผู้ที่ต้องการกำจัดเซลล์ไขมันให้หายไป โปรแกรม CoolSculpting ทำให้เซลล์ไขมันตายและขับออกจากร่างกายโดยธรรมชาติ จึงไม่กลับมาอีกหากควบคุมพฤติกรรมได้ดี
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ เนื่องจากผลลัพธ์จะค่อยเป็นค่อยไปภายใน 1–3 เดือน ผิวจะกระชับลงอย่างเป็นธรรมชาติไม่ดูผิดสัดส่วน
CoolSculpting ทำตรงไหนได้บ้าง
โปรแกรมนี้สามารถเลือกทำได้หลายส่วนของร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันที่กำจัดได้ยากด้วยวิธีทั่วไป โดยบริเวณที่นิยมทำ ได้แก่
- หน้าท้อง เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง ช่วยให้หน้าท้องแบนราบและได้สัดส่วนมากขึ้น
- เอวหรือปีกเอว ลดไขมันด้านข้างลำตัว ช่วยให้รูปร่างดูคอดเข้ารูป
- ต้นแขน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาแขนใหญ่หรือต้นแขนหย่อนคล้อย ช่วยให้แขนดูเรียวและกระชับขึ้น
- ต้นขาด้านในและด้านนอก ลดความหนาของต้นขา ทำให้ขาดูเรียวยาวและได้รูป
- เหนียงหรือคางสองชั้น ลดไขมันใต้คาง เพิ่มความชัดของกรอบหน้า ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
- หลังส่วนบนและล่าง ลดไขมันส่วนเกินที่มักเกิดขึ้นจากการใส่ชุดชั้นในหรือเสื้อรัดแน่น
- เหนือเข่า สำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมรอบหัวเข่า ช่วยให้เรียวขาดูสมส่วน
- นมน้อย เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีไขมันสะสมบริเวณหน้าอกมากเกินไป โดยไม่ต้องผ่าตัด
โปรโมชั่น CoolSculpting
รีวิวก่อนและหลังทำ CoolSculpting
คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับ CoolSculpting
CoolSculpting ต้องทำกี่ครั้ง?
การทำ CoolSculpting ได้ผลจริงหรือไม่?
CoolSculpting ช่วยลดไขมันได้หรือไม่?
ข้อห้ามของการทำโปรแกรม CoolSculpting มีอะไรบ้าง?
CoolSculpting ที่ APEX Clinic
หากคุณกำลังมองหาวิธีกำจัดไขมันเฉพาะจุดแบบเจ็บน้อย และไม่ต้องผ่าตัด โปรแกรม CoolSculpting ที่ APEX Clinic คือทางเลือกหนึ่ง ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมดูแลโดยบุคลากรของเรา และการใช้เครื่องมือที่ครบครัน สามารถมั่นใจได้ในการดูแลให้ปลอดภัย ผลลัพธ์ที่ดี และดูเป็นธรรมชาติ หากสนใจลดไขมันกระชับสัดส่วนที่ APEX Clinic หรือสอบถามข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติม สามารถสอบถามเข้ามาได้เลยนะคะ
ช่องทางการติดต่อ
- Tel : 080-500-0123
- Line : @apexbeauty
- Tiktok : apexprofoundbeauty
- Facebook : APEX Hospital & Beauty Clinic
- Instagram : apexbeauty
- Youtube : Apex Beauty Clinic
- X (Twitter) : ApexProfound
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัท ฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ APEX ทองหล่อ
อ้างอิง
CoolSculpting. (n.d.). What is CoolSculpting®?. From
https://www.coolsculpting.co.th/what-is-coolsculpting
Mayo Clinic. (2024). What is CoolSculpting and is it safe?. From
https://mcpress.mayoclinic.org/nutrition-fitness/what-is-coolsculpting-and-is-it-safe/
Cleveland Clinic. (2023). CoolSculpting’s Risks and Side Effects: What You Need To Know. From https://health.clevelandclinic.org/coolsculpting-side-effects







