CoolSculpting สลายไขมันด้วยความเย็น ดีอย่างไร

Coolsculpting คืออะไร

การพยายามลดไขมันเฉพาะส่วนมานาน ไม่ว่าจะด้วยการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร แต่ไขมันดื้อบางส่วนก็ไม่ยอมที่จะหายไปง่าย ๆ ซึ่ง CoolSculpting เป็นทางเลือกหนึ่งทีใช้เทคโนโลยีนี้สลายไขมันด้วยความเย็น โดยผ่านการควบคุมอุณหภูมิในการกำจัดไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด เจ็บน้อย และไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลลัพธ์อย่างดูเป็นธรรมชาติ บทความนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ CoolSculpting ให้มากขึ้น ว่าทำไมถึงได้รับความนิยมในการกำจัดไขมันส่วนเกิน

สารบัญ Coolsculpting

CoolSculpting คืออะไร

CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็น (Cryolipolysis) ที่ใช้อุณหภูมิเย็นจัดเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกิน โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด โดยที่ CoolSculpting จะใช้ความเย็นในการแช่แข็งเซลล์ไขมัน ทำให้เซลล์ไขมันตายและถูกขับออกจากร่างกายตามธรรมชาติผ่านกระบวนการเมตาบอลิซึม ซึ่งวิธีนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในการกำจัดไขมัน เนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น

หลักการทำงานของ CoolSculpting

CoolSculpting พัฒนามาจากหลักการสลายไขมันด้วยความเย็น โดยเน้นกำจัดเซลล์ไขมันเฉพาะจุดอย่างตรงเป้าและค่อนข้างปลอดภัย โดยไม่กระทบต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง ซึ่งมีรายละเอียดการทำงานดังนี้

  • ใช้ความเย็นเฉพาะจุดในอุณหภูมิที่เหมาะสม โดยการใช้ความเย็นที่ระดับ -11°C ถูกส่งผ่านหัวเครื่องไปยังชั้นไขมันใต้ผิวหนังโดยไม่ทำลายผิวหรือเส้นประสาท
  • เซลล์ไขมันแข็งตัวและสามารถกำจัดออกได้ เซลล์ไขมันมีความไวต่อความเย็นมากกว่าชั้นผิว เมื่อโดนแช่แข็งจะเกิดกระบวนการกำจัดไขมันออกจากร่างกายตามกระบวนการธรรมชาติ
  • กำจัดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกจากระบบ ภายใน 1–3 เดือนหลังทำ ร่างกายจะขจัดเซลล์ไขมันผ่านกระบวนการเมตาบอลิซึมตามธรรมชาติของร่างกาย
CoolSculpting คืออะไร

ข้อดีของการทำ CoolSculpting

  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีหลังทำ
  • กำจัดเซลล์ไขมันได้เป็นอย่างดี ไขมันที่ถูกแช่แข็งจะถูกกำจัดออกจากร่างกายโดยไม่กลับมาอีก หากควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง
  • เห็นผลชัดเจนในบริเวณที่ดื้อไขมัน เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา เอว สะโพก ที่มักลดได้ยากด้วยการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว
  • ไม่ต้องใช้ยาชาหรือเข็ม ลดความกังวลในผู้ที่กลัวการฉีดยาหรือการทำหัตถการแบบรุกราน

ข้อจำกัดของการทำ CoolSculpting

  • ไม่ใช่วิธีลดน้ำหนักทั้งตัว เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักตัวคงที่ และต้องการลดไขมันเฉพาะส่วน ไม่ใช่การลดน้ำหนักทั้งร่างกาย
  • ผลลัพธ์ค่อยเป็นค่อยไป ต้องรอเวลาประมาณ 1–3 เดือน จึงจะเห็นผลเต็มที่จากการที่ร่างกายขจัดเซลล์ไขมันออกไป
  • อาจต้องทำมากกว่า 1 ครั้ง โดยเฉพาะในกรณีที่มีไขมันสะสมปริมาณมาก หรือมีหลายบริเวณที่ต้องการกำจัดไขมัน
  • ไม่เหมาะกับผู้มีภาวะบางอย่าง เช่น โรคเกี่ยวกับความเย็น ภาวะผิวหนังอักเสบ หรือผู้ตั้งครรภ์
  • อาจเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อยหลังทำ เช่น รู้สึกชา ผิวแดง หรือบวมบริเวณที่ทำ ซึ่งจะหายไปภายในไม่กี่วัน

CoolSculpting มีกี่รุ่น อะไรบ้าง

ปัจจุบัน CoolSculpting ได้พัฒนาออกมาหลายรุ่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสลายไขมันด้วยความเย็นและตอบโจทย์การรักษาที่หลากหลาย แต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นและความแตกต่าง ดังนี้

CoolSculpting Legacy

เป็นรุ่นดั้งเดิมที่ใช้หลักการ Cryolipolysis หรือการทำให้เซลล์ไขมันตายด้วยความเย็น รุ่นนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ CoolSculpting ได้รับการยอมรับทั่วโลก แต่หัวดูดจะมีขนาดใหญ่ ใช้เวลาทำต่อครั้งนานกว่า และยังไม่กระชับรับกับทุกสัดส่วนมากนัก

CoolSculpting Advantage

รุ่นที่พัฒนาต่อจาก Legacy โดยหัวดูดถูกออกแบบให้มีหลายขนาดและรูปทรงมากขึ้น ช่วยให้ทำได้หลายตำแหน่ง เช่น ต้นแขน เหนียง หรือหน้าท้อง ใช้เวลาลดลงเหลือเพียง 35 นาทีต่อจุด ทำให้สะดวกและทำได้ค่อนข้างรวดเร็วกว่าเดิม

CoolSculpting Elite

เป็นรุ่นล่าสุดที่พัฒนาให้หัวดูดแนบกระชับเข้ากับสัดส่วนได้ดีกว่า พร้อมเทคโนโลยี C-Cup Applicator ที่สามารถทำงานได้สองจุดพร้อมกัน (Dual Applicator) ทำให้ลดไขมันได้เร็วกว่าเดิม และให้ความรู้สึกสบายขึ้นระหว่างทำ เห็นผลลัพธ์ที่ค่อนข้างแม่นยำและสม่ำเสมอมากขึ้น

CoolSculpting มีกี่หัว

หนึ่งในจุดเด่นของ CoolSculpting คือการมีหัวเครื่อง (Applicator) ให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย เพื่อให้เหมาะกับสรีระและตำแหน่งที่ต้องการกำจัดไขมันเฉพาะจุด โดยแต่ละหัวได้รับการออกแบบให้เข้ากับรูปทรงของร่างกายแต่ละส่วน ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งหัวเครื่องที่ใช้ในมีดังนี้

  • โปรแกรม CoolAdvantage หัวเครื่องขนาดกลางที่สามารถทำได้หลายบริเวณ เช่น หน้าท้อง เอว สะโพก และต้นขาด้านนอก ให้พลังความเย็นที่สม่ำเสมอและลดระยะเวลาในการทำ
  • โปรแกรม CoolAdvantage Plus หัวเครื่องขนาดใหญ่ เหมาะกับพื้นที่กว้าง เช่น หน้าท้องหรือหลัง ช่วยครอบคลุมพื้นที่ไขมันได้มากในครั้งเดียว
  • โปรแกรม CoolAdvantage Petite สำหรับบริเวณที่เล็กลง เช่น ต้นแขน ต้นขาด้านใน หัวเข่า เหมาะกับคนที่มีรูปร่างเล็กหรือไขมันไม่มาก
  • โปรแกรม CoolMini หัวเครื่องขนาดเล็กที่สุด ออกแบบมาเฉพาะสำหรับใช้กับบริเวณใต้คาง (เหนียง), รักแร้, และส่วนเล็ก ๆ ที่เข้าถึงยาก
  • โปรแกรม CoolSmooth PRO หัวเครื่องแบบไม่มีการดูดสูญญากาศ เหมาะกับบริเวณที่มีไขมันแน่น เช่น ต้นขาด้านนอก และไม่เหมาะกับการใช้แรงดูด
  • โปรแกรม CoolFit หัวเครื่องทรงยาว ใช้ได้กับบริเวณที่ไขมันลึกและแน่น เช่น ต้นขาด้านในหรือแขน
Coolsculpting เหมาะกับใคร

CoolSculpting เหมาะกับใคร

CoolSculpting ถูกออกแบบมาเพื่อลดไขมันเฉพาะจุด จึงเหมาะกับกลุ่มคนที่ต้องการปรับรูปร่างให้กระชับขึ้น ไขมันในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายลดน้อยลง โดยเหมาะกับกลุ่มคนที่มีลักษณะดังนี้

  • ผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา เหนียง เอว หรือหลัง ที่ลดลงได้ยากแม้จะควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายแล้ว
  • ผู้ที่มีน้ำหนักตัวคงที่ เหมาะกับผู้ที่รูปร่างโดยรวมอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่อ้วนมากเกินไป แต่ต้องการปรับเฉพาะจุดให้ดูสมส่วนขึ้น
  • ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดหรือพักฟื้น เช่น คนที่มีเวลาจำกัด หรือไม่ต้องการหยุดงานหลังการทำหัตถการ
  • ผู้ที่ต้องการกำจัดเซลล์ไขมันให้หายไป CoolSculpting ทำให้เซลล์ไขมันตายและขับออกจากร่างกายโดยธรรมชาติ จึงไม่กลับมาอีกหากควบคุมพฤติกรรมได้ดี
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ เนื่องจากผลลัพธ์จะค่อยเป็นค่อยไปภายใน 1–3 เดือน ผิวจะกระชับลงอย่างเป็นธรรมชาติไม่ดูผิดสัดส่วน

ใครที่ไม่เหมาะสมกับการทำ CoolSculpting

เพื่อความปลอดภัยและให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี การทำ CoolSculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะดังต่อไปนี้

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับความเย็น เช่น โรคแพ้ความเย็น (Cold Urticaria) หรือภาวะโปรตีนในเลือดแข็งตัว (Cryoglobulinemia) เนื่องจากความเย็นจัดอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
  • ผู้ที่มีภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติ หรือกำลังรับประทานยาละลายลิ่มเลือด
  • สตรีมีครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีบาดแผลเปิด ผิวหนังอักเสบ หรือมีรอยแผลผ่าตัดในบริเวณที่ต้องการทำ รวมทั้งผู้ที่มีอุปกรณ์ฝังในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ
  • ผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) สูงมาก (มากกว่า 35) หรือมีไขมันในอวัยวะภายในจำนวนมาก เนื่องจาก CoolSculpting เหมาะกับการกำจัดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด ไม่ใช่การลดน้ำหนักโดยรวม

CoolSculpting ทำตรงไหนได้บ้าง

โปรแกรมนี้สามารถเลือกทำได้หลายส่วนของร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันที่กำจัดได้ยากด้วยวิธีทั่วไป โดยบริเวณที่นิยมทำ ได้แก่

  • หน้าท้อง เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง ช่วยให้หน้าท้องแบนราบและได้สัดส่วนมากขึ้น
  • เอวหรือปีกเอว ลดไขมันด้านข้างลำตัว ช่วยให้รูปร่างดูคอดเข้ารูป
  • ต้นแขน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาแขนใหญ่หรือต้นแขนหย่อนคล้อย ช่วยให้แขนดูเรียวและกระชับขึ้น
  • ต้นขาด้านในและด้านนอก ลดความหนาของต้นขา ทำให้ขาดูเรียวยาวและได้รูป
  • เหนียงหรือคางสองชั้น ลดไขมันใต้คาง เพิ่มความชัดของกรอบหน้า ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
  • หลังส่วนบนและล่าง ลดไขมันส่วนเกินที่มักเกิดขึ้นจากการใส่ชุดชั้นในหรือเสื้อรัดแน่น
  • เหนือเข่า สำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมรอบหัวเข่า ช่วยให้เรียวขาดูสมส่วน
  • นมน้อย เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีไขมันสะสมบริเวณหน้าอกมากเกินไป โดยไม่ต้องผ่าตัด

การเตรียมตัวก่อนทำ CoolSculpting

ก่อนทำโปรแกรม CoolSculpting ควรมีการเตรียมตัวที่เหมาะสม เพื่อให้ร่างกายพร้อมและช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาชัดเจนมากที่สุด โดยสิ่งที่ควรปฏิบัติ มีดังนี้

  • ปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินสภาพร่างกายและยืนยันว่าเหมาะสมกับการทำโปรแกรม CoolSculpting
  • รักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ ควรอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมกับการทำ ไม่มีน้ำหนักตัวที่มากจนเกินไป ที่อาจทำให้การรักษาไม่ได้ผล
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาละลายลิ่มเลือดหรือแอสไพริน อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำ เพื่อป้องกันรอยช้ำหรือรอยแดงที่อาจเกิดขึ้น
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีและฟื้นฟูได้เร็วหลังทำ
  • เตรียมใจและความคาดหวัง เข้าใจว่าการทำโปรแกรม CoolSculpting ไม่ใช่วิธีลดน้ำหนัก แต่เป็นการกำจัดไขมันเฉพาะจุด

ขั้นตอนการทำ Coolsculpting

  • ปรึกษาและประเมินสัดส่วน: เริ่มต้นด้วยการพูดคุยกับ Apex CoolSculpting Specialist เพื่อประเมินปริมาณไขมัน พร้อมวางแผนการรักษาและเลือกหัวเครื่องที่เหมาะสมกับสรีระของคุณ
  • เตรียมผิวก่อนทำ: เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดบริเวณที่ต้องการสลายไขมัน จากนั้นแปะแผ่นเจลบาง ๆ เพื่อปกป้องผิวไม่ให้ระคายเคืองระหว่างทำการรักษา
  • เริ่มการทำงาน: หัวเครื่องจะถูกวางลงบนจุดที่ต้องการสลายไขมัน โดยจะดูดผิวและชั้นไขมันเข้าไปเบา ๆ จากนั้นเครื่องจะปล่อยความเย็นควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม เพื่อแช่แข็งและทำลายเซลล์ไขมันเฉพาะจุดโดยไม่กระทบต่อผิวหนัง
  • ปล่อยความเย็นเครื่องทำงานอัตโนมัติ: ในระหว่างการทำ เครื่องจะปล่อยความเย็นต่อเนื่องประมาณ 35–75 นาที ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ทำ โดยคุณสามารถนั่งพัก ดูโทรศัพท์ หรือทำงานเบา ๆ ได้ตามปกติ
  • นวดหลังการทำ: เมื่อครบเวลา เจ้าหน้าที่จะถอดหัวเครื่องออกและนวดบริเวณที่ทำประมาณ 2–5 นาที เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ไขมันที่ถูกแช่แข็งแตกตัวและกำจัดออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น

การดูแลหลังทำ CoolSculpting

หลังจากทำ โปรแกรม CoolSculpting การดูแลตนเองที่ถูกต้องจะช่วยลดอาการข้างเคียงและทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนขึ้น โดยแนวทางที่ควรปฏิบัติ ได้แก่

  • นวดเบา ๆ บริเวณที่ทำ ช่วยกระตุ้นการสลายไขมันและลดความแข็งตึงของผิว
  • ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายกำจัดไขมันที่ถูกสลายออกไปได้ดีขึ้น
  • ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญและทำให้ผลลัพธ์ดีขึ้นหลังทำ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลี่ยงอาหารไขมันสูงและน้ำตาล เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมไขมันใหม่
  • สังเกตอาการผิดปกติ หากมีอาการบวม แดง หรือชาเกินกว่าปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
  • เข้ารับการติดตามผลตามนัดหมาย เพื่อให้แพทย์ประเมินความคืบหน้าและแนะนำการดูแลเพิ่มเติม

หลังทำ CoolSculpting รู้สึกยังไง

หลังทำ CoolSculpting ส่วนใหญ่ผู้เข้ารับบริการจะรู้สึกเย็นตึงหรือชาเล็กน้อยในช่วงแรกของการทำ แต่เมื่อครบเวลา ความรู้สึกเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไป บางคนอาจมีรอยแดง บวม หรือรู้สึกตึง ๆ ในบริเวณที่ทำ ซึ่งเป็นอาการชั่วคราวและมักหายเองภายในไม่กี่วัน โดยไม่กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน

CoolSculpting อยู่ได้นานแค่ไหน

ผลลัพธ์ของ CoolSculpting อยู่ได้ค่อนข้างนาน เนื่องจากเซลล์ไขมันที่ถูกกำจัดจะไม่กลับมาใหม่ แต่ปริมาณไขมันที่เหลือยังสามารถขยายตัวได้หากไม่ควบคุมอาหารหรือออกกำลังกาย ดังนั้น หากดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ผลลัพธ์จะอยู่ได้ยาวนานและทำให้รูปร่างกระชับได้อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ให้ผลลัพธ์คุ้มค่าในระยะยาว

เปรียบเทียบ CoolSculpting กับวิธีกำจัดไขมันแบบอื่น

การกำจัดไขมันเฉพาะจุดมีหลากหลายทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นวิธีแบบไม่ต้องผ่าตัด หรือการผ่าตัดดูดไขมัน ซึ่งแต่ละวิธีก็มีจุดเด่น จุดด้อย และเหมาะกับเป้าหมายที่ต่างกัน ซึ่งสามารถเปรียบเทียบ CoolSculpting กับโปรแกรมต่าง ๆ ได้ดังนี้ 

CoolSculpting VS EmSculpt

EmSculpt ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มสูง ในการกระตุ้นกล้ามเนื้อให้หดตัวรุนแรง ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและเผาผลาญไขมันบริเวณนั้น เหมาะกับคนที่ต้องการหุ่นฟิต กระชับ และเน้นกล้ามเนื้อ เช่น หน้าท้องหรือก้น แต่ EmSculpt จะไม่ได้กำจัดเซลล์ไขมันได้เท่ากับ CoolSculpting ที่สามารถแช่แข็งเซลล์ไขมันให้ตายและขับออกจากร่างกายได้ตามกระบวนการเมตาบอลิซึม ซึ่งสรุปได้ว่า CoolSculpting เหมาะสำหรับคนที่เน้นการลดไขมันเฉพาะจุดมากกว่า

CoolSculpting VS ดูดไขมัน

การดูดไขมันเป็นการผ่าตัดที่ใช้เครื่องมือดูดไขมันออกจากร่างกายโดยตรง เห็นผลชัดเจนทันทีหลังทำ เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดไขมันจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว แต่มีความเสี่ยงจากการผ่าตัด เช่น บวม ช้ำ หรือเกิดพังผืด อีกทั้งยังต้องพักฟื้นหลายวัน ในขณะที่ CoolSculpting ใช้ความเย็นแช่แข็งไขมันเฉพาะจุด ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เหมาะกับคนที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุดโดยไม่เจ็บตัว แม้จะเห็นผลช้ากว่า

CoolSculpting Elite ต่างจากเดิมยังไง

CoolSculpting Elite คือรุ่นใหม่ล่าสุดโดยเน้นเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดไขมันเฉพาะจุดให้เร็วขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น และให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งกว่าเดิม ซึ่งความแตกต่างระหว่างรุ่นเดิมกับรุ่น Elite มีดังนี้

  • หัวเครื่องดีไซน์ใหม่ ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น หัวเครื่อง Elite ออกแบบให้แนบชิดกับผิวมากขึ้นและครอบคลุมพื้นที่ไขมันได้มากกว่าตัวเดิม ทำให้การกำจัดไขมันทำได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น
  • ทำได้ 2 ตำแหน่งพร้อมกัน (Dual Applicator)  CoolSculpting Elite สามารถทำ 2 จุดพร้อมกันในครั้งเดียว เช่น เอวทั้งสองข้างหรือแขนทั้งสองข้าง ช่วยประหยัดเวลาในการทำหัตถการ
  • ความเย็นเสถียรกว่าเดิม ระบบ Precision Cooling ในรุ่น Elite มีการกระจายความเย็นได้สม่ำเสมอมากขึ้น ส่งผลให้เซลล์ไขมันถูกทำลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ลดระยะเวลาการทำหัตถการ ด้วยประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ทำให้ใช้เวลาต่อจุดน้อยลง ช่วยให้คนไข้สะดวกยิ่งขึ้นในการรับบริการ
  • หัวเครื่องแนบสนิทกับผิวและรู้สึกสบายกว่าเดิม หัวเครื่องถูกออกแบบใหม่ให้โค้งรับกับผิวและสรีระมากขึ้น ลดแรงกดและความรู้สึกไม่สบายขณะทำ
  • ผลลัพธ์เร็วและชัดเจนขึ้น จากประสิทธิภาพที่สูงกว่าและการครอบคลุมพื้นที่มากกว่า ทำให้เซลล์ไขมันถูกทำลายมากขึ้นในครั้งเดียว เห็นผลได้ไวและชัดเจนกว่าเดิม
Coolsculpting ราคา

CoolSculpting ราคาเท่าไหร่

CoolSculpting มีราคาตั้งแต่ 9,900 บาทขึ้นไปต่อ 1 session ทั้งนี้ ราคาที่แน่นอนขึ้นอยู่กับจำนวนจุดที่ทำ รุ่นที่ใช้ รวมถึงโปรโมชันในช่วงเวลานั้น โดยหากเลือกทำหลายจุดหรือเป็นแพ็กเกจ ราคาต่อครั้งอาจคุ้มค่ามากขึ้น ดังนั้นควรตรวจสอบรายละเอียดราคาและเงื่อนไขกับคลินิกก่อนตัดสินใจ

รีวิวก่อนและหลังทำ CoolSculpting

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล ใช้เป็นตัวอย่างผลจากการเข้ารับรักษาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ CoolSculpting

จำนวนครั้งขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันและจุดที่ต้องการทำ โดยทั่วไปแล้วการทำ 1 ครั้งก็สามารถเห็นผลได้ แต่ถ้าหากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นหรือมีไขมันหนา อาจต้องทำ 2–3 ครั้งห่างกันประมาณ 1–3 เดือน อย่างไรก็ตาม แพทย์จะประเมินเฉพาะบุคคลเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
ได้ผลจริง โดยสามารถกำจัดไขมันเฉพาะจุดได้ ไขมันที่ถูกทำลายจะไม่กลับมาอีกในบริเวณนั้น แต่ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่า CoolSculpting ไม่ใช่การลดน้ำหนักทั้งตัว แต่เป็นการปรับสัดส่วน เช่น หน้าท้อง เหนียง ต้นแขน ต้นขา ให้ดูเล็กลง กระชับขึ้น
ช่วยลดไขมันเฉพาะจุดได้ เช่น หน้าท้อง, เหนียง, เอว, ต้นแขน, ต้นขา ฯลฯ เซลล์ไขมันที่ถูกทำลายด้วยความเย็นจะถูกขับออกจากร่างกาย ช่วยให้รูปร่างดีขึ้น กระชับขึ้น และเหมาะกับคนที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุดแม้ออกกำลังกายแล้วไม่หาย
ไม่ควรทำซ้ำในบริเวณเดิม ถ้ายังมีอาการบวม ช้ำ หรือระบม จากครั้งก่อน รวมถึงไม่ควรทำโปรแกรม CoolSculpting โดยบุคลากรที่ไม่มีทักษะในการใช้เครื่อง อีกทั้งหลังทำอาจมีอาการระบม ชา หรือรู้สึกตึงในบางจุด ซึ่งจะหายได้เองภายในไม่กี่วันถึง 2 สัปดาห์
ส่วนใหญ่ไม่เจ็บ มีเพียงความรู้สึกเย็น ตึง หรือชาชั่วคราวในระหว่างทำ หลังทำอาจมีรอยแดงหรือบวมเล็กน้อย แต่หายได้เองภายในไม่กี่วัน
มักเกิดจากการเลือกจุดทำที่ไม่เหมาะสม ปริมาณไขมันน้อยเกินไป หรือไม่ได้รับการประเมินโดย CoolSculpting Specialist รวมถึงการดูแลตัวเองหลังทำไม่ถูกต้อง
ผลลัพธ์อยู่ได้นาน เพราะเซลล์ไขมันที่ถูกกำจัดจะไม่กลับมาใหม่ แต่ต้องควบคุมอาหารและออกกำลังกายเพื่อรักษารูปร่างให้คงอยุ่ยาวนาน

สรุป ทำ CoolSculpting ที่ไหนดี

หากคุณกำลังมองหาวิธีกำจัดไขมันเฉพาะจุดแบบเจ็บน้อย และไม่ต้องผ่าตัด โปรแกรม CoolSculpting ที่ APEX Clinic คือทางเลือกหนึ่ง ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมดูแลโดยบุคลากรของเรา และการใช้เครื่องมือที่ครบครัน สามารถมั่นใจได้ในการดูแลให้ปลอดภัย ผลลัพธ์ที่ดี และดูเป็นธรรมชาติ หากสนใจลดไขมันกระชับสัดส่วนที่ APEX Clinic หรือสอบถามข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติม สามารถสอบถามเข้ามาได้เลยนะคะ

ช่องทางการติดต่อ

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัท ฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ APEX ทองหล่อ

อ้างอิง
CoolSculpting. (n.d.). What is CoolSculpting®?. From
https://www.coolsculpting.co.th/what-is-coolsculpting

Mayo Clinic. (2024). What is CoolSculpting and is it safe?. From
https://mcpress.mayoclinic.org/nutrition-fitness/what-is-coolsculpting-and-is-it-safe/

Cleveland Clinic. (2023). CoolSculpting’s Risks and Side Effects: What You Need To Know. From https://health.clevelandclinic.org/coolsculpting-side-effects

รับคำปรึกษาฟรี
เมื่อลงทะเบียนถือว่าท่านยอมรับ เงื่อนไขการใช้บริการ และ นโยบายความเป็นส่วนตัว