‘หน้าเหี่ยว’ ริ้วรอยและความเหี่ยวย่นของผิวหน้า เป็นสัญญาณแห่งวัยที่หลายคนกังวลใจ แม้จะเป็นกระบวนการตามธรรมชาติ แต่ปัจจัยหลายอย่างสามารถเร่งให้ผิวดูแก่กว่าวัยอันควรได้ การทำความเข้าใจถึงสาเหตุ กลไก และวิธีป้องกัน จะช่วยให้เราสามารถดูแลผิวพรรณได้อย่างถูกวิธี ชะลอการเกิดริ้วรอย และคงความอ่อนเยาว์ของผิวไว้ได้ยาวนานขึ้น
หน้าเหี่ยวคืออะไร ? ทำความเข้าใจกลไกการเกิดริ้วรอย
กลไกการเกิดริ้วรอยสามารถจำแนกได้เป็นสองประเภทหลัก ๆ คือการเสื่อมสภาพตามวัย เป็นกระบวนการภายในร่างกายตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรมและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน สองคือการเสื่อมสภาพจากปัจจัยภายนอก มีสาเหตุจากสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิต ซึ่งเป็นปัจจัยที่สามารถควบคุมและป้องกันได้ โดยมีองค์ประกอบของการเกิดริ้วรอย ที่ทำให้หน้าเหี่ยวดังนี้
- คอลลาเจน (Collagen) : โปรตีนที่เป็นโครงสร้างหลักของผิว ทำให้ผิวมีความแข็งแรงและเต่งตึง เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนจะลดลง และคอลลาเจนที่มีอยู่เดิมจะเสื่อมสภาพ ทำให้ผิวขาดความกระชับ
- อีลาสติน (Elastin) : โปรตีนที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมหลังจากการถูกยืดหรือหดตัว การลดลงของอีลาสตินทำให้ผิวหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยได้ง่าย
- กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) : สารที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เมื่อปริมาณลดลง ผิวจะแห้งกร้าน ขาดความอิ่มฟู และเกิดริ้วรอยเล็ก ๆ ได้ง่ายขึ้น
- ไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) : ชั้นไขมันใต้ผิวหนังช่วยให้ผิวดูอิ่มเอิบ เมื่ออายุมากขึ้น ชั้นไขมันนี้จะบางลง ทำให้ผิวดูตอบและหย่อนคล้อย
เจาะลึก สาเหตุที่ทำให้หน้าเหี่ยวก่อนวัยอันควร
ภาวะผิวหน้าเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควรเป็นสิ่งที่หลายบุคคลประสบ ซึ่งปรากฏการณ์นี้มิได้มีสาเหตุมาจากปัจจัยเดียว หากแต่เกิดจากกลไกที่ซับซ้อน การทำความเข้าใจถึงต้นตอเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อนำไปสู่แนวทางการป้องกันและแก้ไข
1. แสงแดด
แสงแดดถือเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อผิวพรรณโดยตรงและนับเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ซึ่งรังสีอัลตราไวโอเลตทั้งชนิดเอและบี (UVA และ UVB) มีคุณสมบัติในการผ่านเข้าสู่ชั้นผิวหนังแท้ ทำลายเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน ส่งผลให้โครงสร้างผิวอ่อนแอลง เกิดริ้วรอย จุดด่างดำ และความหย่อนคล้อยที่ปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้น
2. อนุมูลอิสระ
อนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลไม่เสถียรที่เกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น มลภาวะ แสงแดด ควันบุหรี่ หรือกระบวนการเผาผลาญภายในร่างกาย โดยโมเลกุลเหล่านี้จะเข้าทำปฏิกิริยากับเซลล์ผิว รวมถึงองค์ประกอบสำคัญอย่างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้เกิดความเสียหายในระดับเซลล์ ผลลัพธ์คือการเร่งกระบวนการเสื่อมสภาพของผิว ทำให้ผิวพรรณดูแก่กว่าวัยและปรากฏริ้วรอย หรือปัญหาหน้าเหี่ยวได้ง่าย
3. การสูบบุหรี่
สารพิษจำนวนมากที่พบในควันบุหรี่ มีผลโดยตรงต่อการทำลายเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของผิว ทั้งยังส่งผลให้หลอดเลือดฝอยตีบตัน ลดการไหลเวียนของเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงเซลล์ผิว ผิวจึงขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็น ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก
4. พฤติกรรมการทานอาหาร
พฤติกรรมการทานอาหารมีผลต่อการเกิดปัญหาหน้าเหี่ยว อย่างการบริโภคน้ำตาลในปริมาณสูง รวมถึงทานอาหารแปรรูปเป็นประจำ สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวได้ ด้วยกระบวนการที่เรียกว่าไกลเคชั่น (Glycation) ซึ่งน้ำตาลจะเข้าไปจับตัวกับโปรตีนในร่างกาย เช่น คอลลาเจน ส่งผลให้โปรตีนดังกล่าวเสื่อมสภาพลง ทำให้ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น
5. ผิวขาดความชุ่มชื้น
ภาวะผิวแห้งหรือขาดน้ำเป็นปัจจัยที่ทำให้ริ้วรอยเล็ก ๆ (Fine Lines) บนใบหน้าปรากฏชัดเจนขึ้น เนื่องจากผิวที่ขาดความชุ่มชื้นจะสูญเสียความเปล่งปลั่งและความเงาบนผิว ทำให้ร่องผิวดูเด่นชัด ยิ่งหากปล่อยให้ผิวอยู่ในสภาวะแห้งกร้านเป็นระยะเวลานาน อาจนำไปสู่การก่อตัวของริ้วรอยร่องลึกและริ้วรอยถาวรได้
6. ความเครียด/พักผ่อนไม่เพียงพอ
ความเครียดเรื้อรังและการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายมีการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ในปริมาณที่สูงขึ้น ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้มีคุณสมบัติในการทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งที่ขัดขวางกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิวตามธรรมชาติ จึงเร่งให้ผิวเสื่อมสภาพและเกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่าปกติ ตลอดจนส่งผลต่อความสดใสของผิวพรรณได้ด้วย
7. การแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ
การแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าซ้ำ ๆ เป็นประจำ เช่น การขมวดคิ้ว การยิ้ม หรือการหรี่ตา อาจก่อให้เกิดริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ (Dynamic Wrinkles) ที่เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อบนใบหน้าที่ดึงรั้งผิวหนังให้เกิดเป็นร่องเมื่อมีการเคลื่อนไหว เมื่อเวลาผ่านไปและการกระทำซ้ำ ๆ ทำให้คอลลาเจนในบริเวณนั้นถูกทำลาย ริ้วรอยดังกล่าวอาจพัฒนาไปเป็นริ้วรอยถาวร (Static Wrinkles) ที่มองเห็นได้แม้ไม่ได้แสดงสีหน้า
8. การดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่สอดคล้องกับสภาพผิว การทำความสะอาดผิวหน้าด้วยวิธีการที่รุนแรงเกินไป หรือการละเลยขั้นตอนการบำรุงที่จำเป็น พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนส่งผลให้เกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) อ่อนแอลง ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย ผิวจึงไวต่อการระคายเคือง ปัจจัยภายนอก และก่อให้เกิดริ้วรอย ความหมองคล้ำ หรือปัญหาผิวอื่นๆ ตามมาได้
สัญญาณเตือนหน้าเหี่ยวที่คุณไม่ควรมองข้าม
ความเปลี่ยนแปลงของผิวพรรณ เป็นกระบวนการทางธรรมชาติที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่หากถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยต่าง ๆ ก็อาจทำให้มีสัญญาณบางประการที่ปรากฏลักษณะของบปัญหาขึ้นก่อนเวลาอันควรได้ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงภาวะเสื่อมสภาพของผิวที่รวดเร็วกว่าปกติ การตระหนักรู้และสังเกตเห็นสัญญาณเตือนเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถดูแลและรับมือได้อย่างทันท่วงที เช่น
- เริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆปรากฏบริเวณรอบดวงตา (ตีนกา) หน้าผาก และระหว่างคิ้ว โดยเฉพาะเมื่อแสดงสีหน้า
- ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ดูไม่สดใส หรือไม่อิ่มฟูเหมือนเคย
- ความยืดหยุ่นของผิวลดลง เมื่อลองดึงผิวเบา ๆ ผิวไม่คืนตัวกลับสู่สภาพเดิมได้เร็วเท่าที่ควร
- รูขุมขนกว้างขึ้น เกิดจากการที่คอลลาเจนรอบรูขุมขนเสื่อมสภาพ ทำให้รูขุมขนไม่กระชับ
- ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ หรืออาจมีจุดด่างดำหรือฝ้า กระ ปรากฏขึ้นประปราย
- ผิวเริ่มหย่อนคล้อย โดยสังเกตได้มากบริเวณแก้ม กรอบหน้า และใต้คาง
วิธีป้องกันริ้วรอยก่อนวัย ควรทำอย่างไร ?
การป้องกันริ้วรอยก่อนวัยที่ดีที่สุด คือการดูแลผิวพรรณอย่างสม่ำเสมอและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างที่อาจไปกระตุ้นให้ผิวถูกทำร้าย โดยมีหลายวิธีที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ ดังนี้
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำ แม้วันที่ไม่มีแดดหรืออยู่ในที่ร่ม
- สวมหมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด และเสื้อผ้าที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด
- ดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน
- พักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ร่างกายและผิวพรรณได้ซ่อมแซมตัวเอง
- ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิว และมีส่วนผสมที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของผิว เช่น วิตามินซี, วิตามินอี, เรตินอยด์ หรือเปปไทด์
- ให้ความสำคัญกับการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นประจำ
- ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ชาเขียว
- ลดการบริโภคน้ำตาล อาหารแปรรูป และไขมันทรานส์
- จัดการความเครียด โดยหากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น การออกกำลังกาย การทำสมาธิ โยคะ
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำลายผิว
หน้าเหี่ยวมากจนท้อ หัตถการไหนช่วยได้บ้าง
ในหลายกรณี ปัญหาความหย่อนคล้อยและริ้วรอยที่เด่นชัดบนใบหน้า ซึ่งทำให้หน้าเหี่ยว ดูแก่กว่าวัย อาจเกินกว่าจะแก้ไขได้ด้วยวิธีการดูแลผิวพรรณทั่วไป ซึ่งมักต้องใช้ระยะเวลานานและให้ผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอน ดังนั้น หัตถการทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดสารเติมเต็มอย่างโปรแกรมฟิลเลอร์ การใช้โปรแกรมโบท็อกซ์ การใช้เครื่องมือยกกระชับอย่างโปรแกรม Ultherapy การร้อยไหม หรือการผ่าตัดดึงหน้า จึงได้รับความนิยมและเป็นทางเลือกที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาดังกล่าวได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สรุปปัญหาหน้าเหี่ยวเกิดจากอะไร แก้ด้วยวิธีไหนได้บ้าง
ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยและริ้วรอย มีสาเหตุหลักมาจากการเสื่อมสภาพของโครงสร้างผิวตามวัย อย่างการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน รวมถึงปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดดและพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม สำหรับแนวทางการแก้ไขนั้นครอบคลุมตั้งแต่การดูแลผิวพรรณอย่างถูกวิธี การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อผิว และการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์
ไปจนถึงการพิจารณาใช้หัตถการทางการแพทย์ อย่างโปรแกรมฉีด โปรแกรมเครื่องยกกระชับ หรือการผ่าตัดดึงหน้า เพื่อฟื้นฟูสภาพผิวหรือแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ดังนั้นเพื่อให้ได้รับการประเมินสภาพปัญหาและคำแนะนำที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล การปรึกษาแพทย์จึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการแก้ปัญหาหน้าเหี่ยว หรือสอบถามรายละเอียดหัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้ที่
ช่องทางการติดต่อ
- Tel : 080-500-0123
- Line : @apexbeauty
- Tiktok : apexprofoundbeauty
- Facebook : APEX Hospital & Beauty Clinic
- Instagram : apexbeauty
- Youtube : Apex Beauty Clinic
- X (Twitter) : ApexProfound
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัท ฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาทองหล่อ











