ปัญหาถุงใต้ตาบวมไม่เพียงแต่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส แต่ยังลดทอนความมั่นใจและทำให้ดูมีอายุเกินวัย ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจว่าเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่แท้จริงแล้วปัญหานี้มีสาเหตุที่ซับซ้อนกว่านั้น วันนี้ Apex จึงขอพาทุกคนไปเจาะลึกถึงต้นตอของปัญหาถุงใต้ตาบวม พร้อมแนะนำแนวทางการดูแลและรักษาที่เหมาะสม เพื่อฟื้นฟูความมั่นใจ คืนความสดใสให้ใบหน้ากลับมาดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง
สาเหตุที่ทำให้เกิดถุงใต้ตาบวม
ภาวะถุงใต้ตาบวม (Under-eye Bags) คือการที่ผิวหนังบริเวณใต้ตามีลักษณะบวมนูนขึ้นมา หรืออาจมีสีคล้ำร่วมด้วย ทำให้มองเห็นได้ชัด แต่ดูขัดกับผิวพรรณโดยรวม โดยมีสาเหตุหลัก ดังนี้
- อายุที่เพิ่มขึ้น : เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินในโครงสร้างผิวจะลดลง ทำให้ผิวหนังขาดความยืดหยุ่นและหย่อนคล้อย ประกอบกับกล้ามเนื้อรอบดวงตาที่อ่อนแอลง จึงไม่สามารถพยุงชั้นไขมันใต้ตาได้ดีเท่าเดิม
- พันธุกรรม : โครงสร้างกระดูกเบ้าตาและลักษณะถุงใต้ตาสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ บางคนจึงมีแนวโน้มที่จะมีถุงใต้ตาบวมที่เห็นได้ชัดเจนกว่าคนอื่น
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ : การอดนอนทำให้ระบบไหลเวียนเลือดและของเหลวในร่างกายทำงานได้ไม่ดีนัก ส่งผลให้เกิดการคั่งของของเหลวบริเวณเนื้อเยื่อรอบดวงตาที่บอบบาง ทำให้เกิดอาการบวมได้
- ภาวะภูมิแพ้ : สารก่อภูมิแพ้ทำให้ร่างกายหลั่งสารฮีสตามีน (Histamine) ซึ่งกระตุ้นให้หลอดเลือดขยายตัวและเกิดการอักเสบ บวม รวมถึงอาการคันที่ทำให้เราเผลอขยี้ตา ซึ่งยิ่งทำให้อาการบวมเด่นชัดขึ้น
- การสะสมของเหลว : การทานอาหารที่มีโซเดียมสูง (รสเค็มจัด) หรือการดื่มน้ำไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายพยายามกักเก็บน้ำไว้ในเซลล์ รวมถึงบริเวณใต้ตา ทำให้ถุงใต้ตาบวมได้
- การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ : สารนิโคตินในบุหรี่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ส่วนแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายขาดน้ำ ทั้งสองปัจจัยนี้เร่งให้ผิวหนังแก่ก่อนวัยและทำให้ถุงใต้ตาแย่ลง
- โรคประจำตัวบางชนิด : เช่น โรคไต หรือโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ อาจส่งผลต่อสมดุลของเหลวในร่างกายและทำให้เกิดอาการบวมทั่วร่างกาย รวมถึงบริเวณใต้ตา
วิธีลดถุงใต้ตาบวม ที่สามารถทำตามได้ง่าย ๆ
ปัญหาถุงใต้ตาบวมไม่ว่าจะมาจากสาเหตุไหนก็ตาม มักเป็นเรื่องที่ทำให้ใครหลายคนรู้สึกกังวลใจและเสียความมั่นใจได้ไม่น้อย แต่ปัญหานี้สามารถบรรเทา และลดความรุนแรงลงได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ที่สามารถทำตามได้เองที่บ้าน ดังนี้
การประคบเย็น
ความเย็นเป็นวิธีลดถุงใต้ตาบวมในเบื้องต้น โดยความเย็นจะช่วยให้หลอดเลือดฝอยบริเวณใต้ตาเกิดการหดตัวลง ส่งผลให้การไหลเวียนของของเหลวในบริเวณนั้นช้าลงและช่วยบรรเทาอาการบวมได้ ซึ่งวิธีการนี้เป็นวิธีที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ แต่จำเป็นต้องระมัดระวังไม่ควรให้ผิวโดนความเย็นโดยตรง
การใช้ช้อนแช่เย็น
วิธีนี้ถือเป็นการประคบเย็นที่ทำได้ง่ายและสะดวกที่สุด เพราะสามารถหาอุปกรณ์ได้จากในครัวเรือน หลักการทำงานเหมือนกับการประคบเย็นทั่วไป แต่ช้อนโลหะมีคุณสมบัติในการกักเก็บความเย็นได้ดี อีกทั้งส่วนโค้งของช้อนยังพอดีกับเบ้าตา ทำให้สามารถแนบไปกับผิวและกระจายความเย็นได้ทั่วถึง
การใช้ถุงชาประคบ
ในถุงชาโดยเฉพาะชาเขียวและชาดำ อุดมไปด้วยสารสำคัญอย่างคาเฟอีนและสารแทนนิน คาเฟอีนมีฤทธิ์ช่วยให้หลอดเลือดหดตัว ลดการคั่งของของเหลวใต้ผิวหนังได้ชั่วคราว ในขณะที่สารแทนนินจะช่วยลดการอักเสบ ทำให้เป็นวิธีธรรมชาติที่ช่วยลดอาการถุงใต้ตาบวมได้
การนวดระบายของเหลวเบาๆ
ใช้นิ้วนางนวดเบา ๆ วนเป็นวงกลมจากหัวตาไปยังหางตา เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของระบบน้ำเหลือง การนวดอย่างถูกวิธีจะช่วยเคลื่อนย้ายของเหลวที่คั่งค้างอยู่ใต้ผิวหนังที่บอบบางบริเวณนั้น ทำให้สามารถระบายออกไปได้ดีขึ้น ส่งผลให้ถุงใต้ตาบวมยุบลงในเบื้องต้น
การนอนหนุนหมอนสูง
พฤติกรรมการนอนมีผลโดยตรงต่ออาการบวม ดังนั้นการนอนหนุนหมอนสูงขึ้นอีกเล็กน้อยจะช่วยได้ ตามหลักแรงโน้มถ่วง การยกศีรษะให้สูงกว่าลำตัวจะป้องกันไม่ให้ของเหลวไหลมารวมกันที่ใบหน้า ซึ่งเป็นวิธีง่าย ๆ ในการช่วยลดการสะสมของเหลวและลดโอกาสเกิดถุงใต้ตาบวมหลังตื่นนอน
ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การขาดน้ำคือตัวการที่ทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำไว้ การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอตลอดทั้งวันจึงช่วยรักษาสมดุลของเหลวในร่างกายและกระตุ้นระบบไหลเวียน ส่งผลให้ร่างกายขับของเหลวส่วนเกินออกไปได้ดีขึ้น รวมถึงลดอาการบวมบริเวณใต้ตาได้อีกด้วย
ลดการบริโภคโซเดียม
โซเดียมหรือเกลือ เป็นตัวการหลักที่ทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำไว้มากกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดอาการบวมทั่วร่างกาย ดังนั้นเพื่อลดอาการถุงใต้ตาบวม ควรลดการบริโภคอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป อาหารหมักดอง และขนมขบเคี้ยว เพื่อช่วยลดการสะสมของน้ำส่วนเกินและบรรเทาอาการถุงใต้ตาบวมได้
ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงรอบดวงตา
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตา ที่ออกแบบมาเพื่อลดอาการบวมโดยเฉพาะ ซึ่งมักมีส่วนผสมของคาเฟอีน เพราะคาเฟอีนมีคุณสมบัติช่วยให้หลอดเลือดหดตัวชั่วคราวและยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้สามารถลดการคั่งของของเหลวใต้ผิวหนัง พร้อมทั้งช่วยฟื้นบำรุงให้ผิวรอบดวงตาดูสดใสขึ้น
หลีกเลี่ยงการขยี้ตา
การขยี้ตาแรง ๆ เป็นการทำร้ายผิวบอบบางรอบดวงตาโดยตรง และกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ นอกจากนั้นพฤติกรรมนี้อาจทำให้เส้นเลือดฝอยเล็ก ๆ ใต้ผิวหนังแตกหรือเสียหาย นำไปสู่การรั่วซึมของของเหลว ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือขยี้ตาโดยไม่จำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้อาการบวมแย่ลงกว่าเดิม
พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่และเพียงพอ เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการฟื้นฟูร่างกายและผิวพรรณ เมื่อร่างกายอ่อนล้าจากการนอนไม่พอ ระบบต่าง ๆ รวมถึงระบบไหลเวียนของเหลวจะทำงานได้ไม่เต็มที่ ซึ่งจะนำไปสู่การกักเก็บของเหลวใต้ตาได้ง่ายขึ้น ทำให้ถุงใต้ตาบวมและรอยคล้ำชัดเจนยิ่งขึ้น
ทั้งนี้หากต้องการแก้ปัญหาถุงใต้ตาบวม ซึ่งมีความรุนแรงและไม่สามารถบรรเทาได้ด้วยวิธีการทั่วไป แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ หรือพิจารณาการผ่าตัดถุงใต้ตา ซึ่งช่วยแก้ปัญหาได้จากต้นตอ และลดการเกิดซ้ำ หากดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม
เปิดสูตรโยคะใบหน้า 3 ท่า ลดถุงใต้ตาบวม
นอกจากการปรับพฤติกรรมหรือใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงรอบดวงตาแล้ว การทำโยคะใบหน้าเพื่อการไหลเวียนที่ดีก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถทำเองได้ง่าย ๆ โดยหลักการสำคัญของโยคะใบหน้า คือการเคลื่อนไหวและการกดจุดอย่างนุ่มนวลเพื่อกระตุ้นให้ของเหลวที่คั่งค้างอยู่ใต้ผิวหนังระบายออกไปได้ดีขึ้น ดังนี้
ท่าที่ 1 การแตะเบา ๆ กระตุ้นน้ำเหลือง
เหมาะสำหรับทำในตอนเช้าเพื่อลดอาการบวมหลังตื่นนอน โดยใช้นิ้วนาง (ซึ่งเป็นนิ้วที่มีแรงกดเบาที่สุด) ของทั้งสองข้าง แตะเบา ๆ ย้ำ ๆ คล้ายการเคาะเปียโน เริ่มแตะจากบริเวณหัวตา ไล่ไปตามแนวกระดูกใต้ตาอย่างช้า ๆ จนถึงบริเวณหางตา และทำซ้ำประมาณ 30-60 วินาที
ท่าที่ 2 การกดจุดรูปตัววี
ท่านี้ช่วยสร้างแรงต้านเบา ๆ เพื่อบริหารกล้ามเนื้อวงแหวนรอบดวงตาให้แข็งแรงและกระชับขึ้น โดยทำนิ้วเป็นรูปตัว V โดยใช้นิ้วชี้และนิ้วกลาง แล้ววางนิ้วกลางที่หัวตา และวางนิ้วชี้ที่หางตา กดลงไปเบา ๆ มองขึ้นไปด้านบนแล้วหรี่ตาหรือหยีตาขึ้นสู้กับแรงกดของนิ้ว ค้างไว้ 5 วินาที แล้วผ่อนคลาย ทำซ้ำ 5-10 ครั้ง
ท่าที่ 3 การนวดวนรอบดวงตา
เป็นการนวดเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดและกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวได้รับออกซิเจนและสารอาหารได้ดีขึ้น โดยใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาหรือออยล์เล็กน้อยเพื่อลดการเสียดสี แล้วใช้นิ้วนางกดเบาๆ ที่หัวตา จากนั้นลากนิ้วอย่างนุ่มนวลไปตามแนวกระดูกใต้ตาจนถึงขมับ เมื่อถึงขมับให้ยกนิ้วขึ้นแล้วนวดวนเบาๆ 2-3 ครั้ง ทำซ้ำทั้งหมด 5-10 รอบ
พฤติกรรมการนอนที่ส่งผลโดยตรงต่อถุงใต้ตา
การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาใต้ตา แต่คุณรู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมการนอนก็สามารถส่งผลกระทบต่อการเกิดถุงใต้ตาบวมได้ ลองมาดูกันว่าพฤติกรรมเหล่านั้นมีอะไรบ้างที่คุณควรหลีกเลี่ยงเพื่อดวงตาที่สดใส
- การนอนน้อยเกินไป พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียด ทำให้การไหลเวียนโลหิตแย่ลง
- การนอนมากเกินไปโดยเฉพาะการนอนนิ่ง ๆ ในท่าเดิม
- การนอนคว่ำหรือนอนตะแคง ทำให้ใบหน้าด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้านถูกกดทับกับหมอน
- ไม่ล้างเครื่องสำอางก่อนนอน หรือทิ้งเครื่องสำอางไว้ข้ามคืน โดยเฉพาะมาสคาร่าและอายไลเนอร์
บทสรุปปัญหาถุงใต้ตาบวม รู้ไว้ก่อนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีสำหรับคุณ
ปัญหาถุงใต้ตาบวม คือปัญหาเรื่องความนูนบวมจากการคั่งของของเหลว เกิดได้จากหลายสาเหตุตั้งแต่การพักผ่อนน้อย ไปจนถึงสัญญาณปัญหาสุขภาพ เช่น โรคไตหรือภูมิแพ้ เราสามารถดูแลเบื้องต้นได้ด้วยวิธีง่าย ๆ แต่ถ้าหากอาการถุงใต้ตาบวมไม่ดีขึ้นหรือมีความผิดปกติควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการดูแลที่ถูกต้องต่อไป
หากคุณกำลังมองหาวิธีแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาบวม ที่ Apex เรามีบริการผ่าตัดถุงใต้ตาที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหานี้โดยเฉพาะ ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดเพื่อนำไขมันส่วนเกินที่ทำให้เกิดถุงใต้ตาออก ทำให้บริเวณใต้ตากลับมาเรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการผ่าตัดถุงใต้ตา หรือต้องการปรึกษาเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมกับคุณ สามารถติดต่อ Apex เพื่อรับคำปรึกษาจากแพทย์ได้โดยตรง
ช่องทางการติดต่อ
- Tel : 080-500-0123
- Line : @apexbeauty
- Tiktok : apexprofoundbeauty
- Facebook : APEX Hospital & Beauty Clinic
- Instagram : apexbeauty
- Youtube : Apex Beauty Clinic
- X (Twitter) : ApexProfound
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัท ฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ APEX Surgery Hospital : โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเอเพ็กซ์ สาขาเพลินจิต