การเสริมจมูกแม้จะได้รับความนิยม แต่หากดูแลไม่ดีหรือเลือกใช้วัสดุและเทคนิคที่ไม่เหมาะสม อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่น่ากังวลได้ หนึ่งในภาวะที่หลายคนกลัวมากที่สุดคือ ‘จมูกทะลุ’ ซึ่งเกิดได้จากหลายปัจจัยทั้งตัววัสดุ เส้นเลือด และการติดเชื้อ การรู้สาเหตุที่แท้จริงของปัญหานี้ รวมถึงวิธีป้องกันตั้งแต่ก่อนและหลังการเสริมจมูก จะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้ผลลัพธ์ออกมาดี บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า จมูกทะลุเกิดจากอะไร และมีวิธีใดบ้างที่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานี้ได้
จมูกทะลุ สาเหตุเกิดจากอะไรบ้าง
จมูกทะลุเป็นภาวะแทรกซ้อนที่มักเกิดขึ้นหลังการเสริมจมูก โดยเฉพาะหากใช้เทคนิคหรือวัสดุที่ไม่เหมาะสม ร่วมกับการดูแลตัวเองที่ไม่ถูกต้อง ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่ค่อย ๆ สะสมจนเนื้อเยื่อบางลงและทะลุในที่สุด ซึ่งสาเหตุที่ทำให้จมูกทะลุ มีดังนี้
- ใช้ซิลิโคนแท่งที่แข็งเกินไปหรือขนาดไม่พอดี การใช้ซิลิโคนที่แข็งหรือยาวเกินไป ทำให้เกิดแรงกดต่อปลายจมูกอย่างต่อเนื่อง จนผิวบางและทะลุในที่สุด
- เนื้อจมูกบางแต่ฝืนใส่ซิลิโคนโด่งมากเกินไป ผู้ที่มีเนื้อจมูกน้อย หากเลือกเสริมแบบพุ่งหรือโด่งเกินโครงสร้างเดิม ผิวจมูกจะรับแรงไม่ไหวและเสี่ยงทะลุเร็วขึ้น
- เกิดการติดเชื้อหลังผ่าตัด การติดเชื้อในโพรงจมูกจะทำให้เนื้อเยื่ออ่อนแอ การสมานแผลไม่ดี และอาจดันซิลิโคนออกมาจนทะลุผิวได้
- ไม่ได้วางซิลิโคนในชั้นที่ถูกต้อง หากแพทย์วางซิลิโคนตื้นเกินไป เช่น ใต้ผิวหนังโดยตรง จะไม่มีชั้นเนื้อรองรับมากพอ จึงทะลุได้ง่ายในระยะยาว
- มีการกระแทกหรือบีบจมูกแรงเกินไปหลังทำ การนอนคว่ำ โดนกระแทก หรือกดจมูกแรง ๆ หลังเสริมอาจทำให้ซิลิโคนเคลื่อนและกดปลายจมูกมากเกิน จนเกิดการทะลุ
- เสริมจมูกซ้ำหลายครั้งโดยไม่พักเนื้อ การแก้จมูกถี่เกินไปโดยไม่ให้เวลาฟื้นตัว อาจทำให้เนื้อจมูกบางลงเรื่อย ๆ และไม่มีแรงพอจะรองรับซิลิโคนได้
สัญญาณเตือนก่อนจมูกทะลุ
ปัญหาจมูกทะลุมักไม่เกิดขึ้นในทันที แต่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าที่สามารถสังเกตได้ หากรู้ตัวเร็วและเข้ารับการรักษาทันเวลา ก็อาจช่วยป้องกันไม่ให้ทะลุจนเกิดแผลถาวรได้ ซึ่งสัญญาณเตือนว่าจมูกอาจจะทะลุ มีดังนี้
ปลายจมูกบางลงจนเห็นแท่งซิลิโคนชัดเจน
หากเริ่มสังเกตว่าผิวบริเวณปลายจมูกบางลง หรือสามารถมองเห็นแนวของแท่งซิลิโคนใต้ผิวได้ชัดเจนกว่าปกติ นี่เป็นสัญญาณเริ่มต้นที่บ่งบอกว่าผิวกำลังถูกซิลิโคนดันจากภายใน ซึ่งมักเกิดจากการใช้ซิลิโคนที่แข็งหรือโด่งเกินไปสำหรับโครงสร้างจมูกเดิม หากไม่รีบแก้ไข อาจนำไปสู่ภาวะทะลุในที่สุด
ปลายจมูกเริ่มมีสีแดงหรือคล้ำ
อาการเปลี่ยนสีผิวบริเวณปลายจมูกแดงเรื้อรังหรือคล้ำ อาจเป็นผลจากการอักเสบ การกดทับ หรือการไหลเวียนเลือดผิดปกติ ซึ่งมักเกิดจากแรงกดของซิลิโคนที่วางอยู่ผิดตำแหน่งหรือเกินพอดี สีผิวที่เปลี่ยนไปนี้อาจพัฒนาเป็นแผลหรือบริเวณที่เสี่ยงทะลุได้ในลำดับถัดมา หากพบอาการนี้ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
มีอาการเจ็บหรือระคายเคืองบริเวณปลายจมูก
ความรู้สึกเจ็บ ตึง หรือแปลบ ๆ ที่ปลายจมูก แม้ไม่ได้กระทบกระเทือน อาจเป็นสัญญาณของแรงกดที่ผิดปกติจากแท่งซิลิโคน หรือเป็นผลจากเนื้อจมูกที่เริ่มอ่อนแอหรืออักเสบ หากรู้สึกว่าความเจ็บเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือรู้สึกอุ่นบริเวณนั้น อาจเป็นภาวะที่ต้องจับตา เพราะอาจนำไปสู่การติดเชื้อหรือทะลุได้
มีหนองหรือน้ำเหลืองซึมออกจากแผล
หากมีของเหลวสีขุ่น มีกลิ่นผิดปกติ หรือหนองไหลออกมาจากแผลบริเวณจมูก ถือเป็นอาการเตือนที่สำคัญของการติดเชื้อในโพรงจมูก ซึ่งอาจเร่งให้ผิวหนังบางลงและเกิดการทะลุได้เร็วขึ้นกว่าปกติ การปล่อยให้แผลติดเชื้อโดยไม่รับการรักษา อาจนำไปสู่การอักเสบรุนแรง และเกิดพังผืดหรือเนื้อตายในภายหลัง
จมูกผิดรูปหรือเอียงผิดปกติ
หากจมูกเริ่มเอียง เบี้ยว หรือรู้สึกว่าซิลิโคนเคลื่อนตัวจากตำแหน่งเดิม อาจเป็นสัญญาณว่าเนื้อเยื่อรองรับเริ่มเสื่อมสภาพ หรือซิลิโคนวางผิดชั้น ผิดแนว ปัญหานี้มักเกิดร่วมกับการบวมอักเสบหรือการทะลุที่กำลังจะเกิดขึ้น หากละเลย อาจทำให้ต้องแก้จมูกครั้งใหญ่หรือเสี่ยงกับการมีรอยแผลหลังถอดซิลิโคน
จมูกทะลุ อันตรายยังไง
ภาวะจมูกทะลุไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความสวยงามของใบหน้าเท่านั้น แต่ยังเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เสี่ยงต่อสุขภาพอย่างมาก โดยเฉพาะหากมีการติดเชื้อหรือแผลเปิดที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม มาดูกันว่าจมูกทะลุสามารถก่อให้เกิดอันตรายอะไรได้บ้าง
- เกิดการติดเชื้อรุนแรงในโพรงจมูกหรือผิวหนัง เมื่อตำแหน่งที่ทะลุมีการเปิดของแผล อาจกลายเป็นทางผ่านของเชื้อโรคเข้าสู่เนื้อเยื่อชั้นลึก เสี่ยงต่อการอักเสบ ลุกลาม และในบางรายอาจถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือด
- ผิวเนื้อปลายจมูกเสียหายจนไม่สามารถคืนรูปเดิมได้ หากทะลุจนเนื้อปลายจมูกตายหรือเป็นแผล อาจทำให้ไม่สามารถเสริมจมูกซ้ำในอนาคตได้ หรือมีรอยแผลเป็นถาวนที่เห็นชัดเจน
- ต้องผ่าตัดนำซิลิโคนออกทันที ในกรณีที่ทะลุถึงขั้นเห็นแท่งซิลิโคนโผล่ออกมาหรือเกิดการติดเชื้อรุนแรง แพทย์อาจจำเป็นต้องถอดซิลิโคนออกทันที ซึ่งอาจส่งผลให้จมูกเสียรูป หรือยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว
- เสียบุคลิกภาพและความมั่นใจในระยะยาว ปลายจมูกที่บิดเบี้ยว ทะลุ หรือมีแผล จะส่งผลต่อภาพลักษณ์และความมั่นใจของผู้ที่เคยเสริมจมูกมาอย่างมาก โดยเฉพาะหากจำเป็นต้องใช้เวลารักษานานหรือยังไม่สามารถแก้ไขใหม่ได้ในทันที
- การรักษาและแก้ไขมีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูง เมื่อเกิดจมูกทะลุแล้ว การรักษาไม่ใช่เพียงการถอดซิลิโคนออกเท่านั้น แต่ยังต้องฟื้นฟูเนื้อเยื่อ พักให้เนื้อสมาน และอาจต้องผ่าตัดแก้ไขหลายครั้ง ซึ่งใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการเสริมจมูกครั้งแรกมาก
วิธีแก้ปัญหาจมูกทะลุ
เมื่อเกิดภาวะจมูกทะลุ สิ่งสำคัญคือการเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสมโดยเร็วที่สุด เพื่อหยุดยั้งการลุกลามของปัญหาและฟื้นฟูเนื้อเยื่อให้กลับมาแข็งแรง โดยทั่วไปสามารถแบ่งวิธีการดูแลรักษาออกเป็นแนวทางดังนี้
การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
หากมีการติดเชื้อร่วมกับภาวะจมูกทะลุ แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะเพื่อควบคุมการอักเสบและป้องกันการลุกลามของเชื้อแบคทีเรีย ยาจะช่วยลดอาการบวมแดง หนอง หรือการติดเชื้อใต้ผิว ซึ่งหากควบคุมได้เร็วจะลดโอกาสที่เนื้อเยื่อบริเวณปลายจมูกจะถูกทำลายและส่งผลให้การฟื้นตัวรวดเร็วขึ้น
การหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดทับจมูก
ในช่วงที่เกิดอาการจมูกทะลุหรือใกล้ทะลุ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสจมูกโดยไม่จำเป็น เช่น การนอนคว่ำ ขยี้จมูก หรือใส่แว่นที่กดทับสันจมูก เนื่องจากอาจทำให้แรงกดเพิ่มขึ้นและทำให้แผลลุกลามหรือทะลุรุนแรงมากขึ้น การป้องกันแรงกระแทกหรือแรงดึงรั้งจึงเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมไม่ให้ปัญหารุนแรงกว่าเดิม
การใช้วัสดุเสริมที่เหมาะสม
ในกรณีที่ต้องทำจมูกใหม่หลังจากทะลุ แพทย์จะพิจารณาเลือกใช้วัสดุเสริมที่เหมาะสมกับสภาพเนื้อจมูก เช่น กระดูกอ่อนหลังใบหู หรือวัสดุสังเคราะห์ชนิดนิ่ม ซึ่งจะช่วยลดแรงกดบนเนื้อปลายจมูก ลดความเสี่ยงในการเกิดทะลุซ้ำ และทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
การติดตามและดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด
หลังการรักษาหรือผ่าตัดแก้ไข แพทย์จะทำการติดตามอาการอย่างต่อเนื่องเพื่อตรวจสอบความคืบหน้าของแผล การสมานของเนื้อเยื่อ และการตอบสนองต่อวัสดุเสริมใหม่ การดูแลโดยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว
การผ่าตัดแก้ไขจมูกใหม่
หากจมูกทะลุจนเกิดความเสียหายที่ไม่สามารถฟื้นตัวได้ด้วยการถอดซิลิโคนเพียงอย่างเดียว แพทย์อาจต้องวางแผนการผ่าตัดใหม่ โดยอาจเป็นการเปลี่ยนวัสดุเสริม ปรับโครงสร้างใหม่ หรือใช้เทคนิคเสริมจมูกแบบเปิด เพื่อให้สามารถควบคุมการแก้ไขได้ดีที่สุด การผ่าตัดแก้จมูกควรทำเมื่อเนื้อเยื่อเดิมฟื้นตัวดีแล้วเท่านั้น เพื่อลดโอกาสเกิดปัญหาซ้ำ
สรุป จมูกทะลุ ควรทำยังไง
หากพบสัญญาณจมูกทะลุ ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อวินิจฉัยและวางแผนการรักษาอย่างถูกต้อง ขั้นตอนแรกมักต้องถอดซิลิโคนหรือวัสดุเสริมออกเพื่อลดการกดทับและควบคุมการติดเชื้อ จากนั้นดูแลแผลให้สะอาดและให้เนื้อเยื่อพักฟื้นประมาณ 3–6 เดือนก่อนเสริมใหม่ หากเนื้อจมูกบาง แพทย์อาจเลือกใช้กระดูกอ่อนหรือวัสดุที่ป้องกันการทะลุมากขึ้น และควรติดตามผลกับแพทย์อย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันปัญหาซ้ำในอนาคต
หากใครที่กำลังเจอกับปัญหาจมูกทะลุและสนใจแก้จมูก ที่ APEX สามารถจองคิวเพื่อสอบถามและปรึกษากับศัลยแพทย์ หรือใครที่มีข้อสงสัยและคำถามเพิ่มเติม สามารถทักเข้ามาสอบถามได้เลยค่ะ
ช่องทางการติดต่อ
- Tel : 088-870-0039
- Line : @apexsurgery
- Tiktok : apex_surgery
- Facebook : APEX Surgery Hospital
- Instagram : apex_surgery
- Youtube : APEX Surgery Hospital
- X (Twitter) : ApexProfound
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัท ฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ APEX Surgery Hospital : โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเอเพ็กซ์ สาขาเพลินจิต
อ้างอิง
Mayo Clinic. (2024). Rhinoplasty. From
https://www.mayoclinic.org/tests-procedures/rhinoplasty/about/pac-20384532
Cleveland. (2022). Rhinoplasty (Nose Job). From
https://my.clevelandclinic.org/health/treatments/11011-rhinoplasty
American Society of Plastic Surgeons. (n.d.). Rhinoplasty.
https://www.plasticsurgery.org/cosmetic-procedures/rhinoplasty