รอยแผลเป็นที่ทิ้งไว้บนผิวหนัง อาจเป็นเหมือนเครื่องเตือนใจถึงบาดแผลในอดีตและบั่นทอนความมั่นใจของใครหลายคน แต่ข่าวดีก็คือในปัจจุบันมีนวัตกรรมและแนวทางการรักษามากมาย ที่สามารถช่วยลดเลือนร่องรอยเหล่านี้ให้จางลงและกลับมาเรียบเนียนได้อีกครั้ง บทความนี้ได้รวบรวมทุกเรื่องที่คุณต้องรู้ ตั้งแต่สาเหตุ ประเภทของรอยแผลเป็น ไปจนถึงวิธีรักษาที่เหมาะสมกับคุณที่สุด
รอยแผลเป็น คืออะไร
รอยแผลเป็น (Scar) คือเนื้อเยื่อที่ร่างกายสร้างขึ้นตามกระบวนการรักษาแผลตามธรรมชาติ เกิดขึ้นเมื่อผิวหนังชั้นหนังแท้ได้รับความเสียหาย ทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนขึ้นมาทดแทน โดยเนื้อเยื่อใหม่นี้มีโครงสร้างและการเรียงตัวของเส้นใยที่แตกต่างจากผิวหนังปกติ จึงปรากฏเป็นร่องรอยที่มีลักษณะ สี หรือพื้นผิวที่แตกต่างไปจากผิวหนังเดิมโดยรอบ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อลักษณะของรอยแผลเป็นแตกต่างกัน
- พันธุกรรมและเชื้อชาติ
พันธุกรรมคือตัวกำหนดแนวโน้มที่ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนออกมาซ่อมแซมแผล บางคนจึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดรอยแผลเป็นชนิดนูนหนาหรือคีลอยด์ได้ง่ายกว่าคนอื่น - อายุ
อายุมีผลต่อกระบวนการซ่อมแซมผิว ในวัยหนุ่มสาวอาจเกิดแผลเป็นนูนได้ง่ายจากการสร้างคอลลาเจนที่มากเกินไป ส่วนในผู้สูงอายุ แผลจะหายช้ากว่าและอาจทิ้งรอยแผลเป็นที่กว้างและบางไว้แทน - ตำแหน่งของบาดแผล
บริเวณที่มีการเคลื่อนไหวและความตึงของผิวสูง เช่น หน้าอกหรือหัวไหล่ มีความเสี่ยงที่จะเกิดรอยแผลเป็นที่นูนและกว้างได้ง่ายกว่าบริเวณที่มีผิวหนังหย่อนและมีการไหลเวียนเลือดดีอย่างใบหน้า - ความรุนแรงและสาเหตุของบาดแผล
ความลึกของบาดแผลคือปัจจัยสำคัญที่สุด แผลที่ลึกถึงชั้นหนังแท้จะทำให้เกิดรอยแผลเป็นเสมอ นอกจากนี้ แผลผ่าตัดที่สะอาดมักจะทิ้งร่องรอยที่สวยงามกว่าแผลจากอุบัติเหตุหรือแผลไฟไหม้ - การดูแลแผลในช่วงแรก
การดูแลแผลอย่างถูกวิธีคือสิ่งที่เราควบคุมได้และมีความสำคัญเป็นอย่างมาก หากแผลเกิดการติดเชื้อ อักเสบ หรือถูกรบกวนบ่อยๆ ก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยแผลเป็นที่ไม่สวยงามในภายหลัง
สาเหตุของการเกิดรอยแผลเป็น
รอยแผลเป็นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์เล็กน้อยไปจนถึงเรื่องใหญ่ การทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่แตกต่างกันเหล่านี้ จะช่วยให้เราสามารถดูแลแผลเบื้องต้นได้อย่างถูกวิธี เพื่อลดโอกาสการเกิดรอยแผลที่ไม่พึงประสงค์ได้
- การบาดเจ็บทางกายภาพ
เกิดจากอุบัติเหตุที่ทำลายผิวหนังชั้นลึก เช่น แผลจากของมีคม แผลถลอกรุนแรง แผลไฟไหม้ หรือน้ำร้อนลวก ซึ่งกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนจำนวนมากเพื่อซ่อมแซมผิวที่เสียหาย ทำให้เกิดเป็นรอยแผลเป็นที่ชัดเจน - โรคผิวหนังอักเสบ
การอักเสบที่รุนแรงของผิว เช่น สิวอักเสบขนาดใหญ่ หรือโรคอีสุกอีใส เป็นสาเหตุสำคัญของรอยแผลเป็นชนิดหลุม (Atrophic Scars) เนื่องจากกระบวนการอักเสบได้เข้าไปทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิว - แผลผ่าตัดและรอยแตกลาย
แผลที่เกิดจากการผ่าตัดทุกชนิดจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้เสมอ ซึ่งลักษณะของแผลจะขึ้นอยู่กับเทคนิคการเย็บและการดูแลหลังผ่าตัด นอกจากนี้ รอยแตกลาย (Stretch Marks) ที่เกิดจากการที่ผิวหนังยืดขยายตัวอย่างรวดเร็ว ก็จัดเป็นรอยแผลเป็นชนิดหนึ่งเช่นกัน
รู้จักประเภทของรอยแผลเป็นมีอะไรบ้าง
รอยแผลเป็นไม่ได้มีเพียงลักษณะเดียว แต่สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามลักษณะที่ปรากฏบนผิวหนัง การวินิจฉัยชนิดของรอยแผลได้อย่างถูกต้อง คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการเลือกวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
กลุ่มแผลเป็นนูน (Hypertrophic) และคีลอยด์ (Keloid)
รอยแผลเป็นกลุ่มนี้เกิดจากการที่ร่างกายสร้างคอลลาเจนออกมาซ่อมแซมแผลในปริมาณที่มากเกินไป โดยแผลเป็นนูนจะมีลักษณะนูนหนาขึ้นมาแต่ขอบเขตยังอยู่ภายในแผลเดิม ในขณะที่คีลอยด์จะมีลักษณะนูนและขยายขนาดใหญ่เกินขอบเขตของแผลเดิมออกไป
กลุ่มแผลเป็นยุบตัว แผลเป็นหลุม หรือ บุ๋ม (Atrophic Scar)
รอยแผลเป็นกลุ่มนี้มีลักษณะตรงกันข้ามกับกลุ่มแรก โดยผิวหนังจะยุบตัวลงไปเป็นหลุมหรือรอยบุ๋ม เกิดจากการที่คอลลาเจนใต้ผิวถูกทำลายหรือสร้างขึ้นมาไม่เพียงพอในระหว่างกระบวนการสมานแผล ตัวอย่างที่พบบ่อยที่สุดคือ รอยแผลชนิดหลุมสิว
กลุ่มรอยแผลที่เป็นการเปลี่ยนแปลงของสีผิว
แม้จะไม่ใช่รอยแผลเป็นในเชิงโครงสร้าง แต่รอยดำ (PIH) และรอยแดง (PIE) ก็เป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังการบาดเจ็บของผิวเช่นกัน โดยรอยดำเกิดจากการผลิตเม็ดสีที่มากผิดปกติ และรอยแดงเกิดจากการขยายตัวของเส้นเลือดฝอย ซึ่งทั้งสองชนิดนี้มักเกิดขึ้นหลังสิวอักเสบหาย
รวมทุกวิธีรักษารอยแผลเป็น ตั้งแต่การใช้ยาถึงการพบแพทย์
เมื่อรอยแผลเป็นได้เกิดขึ้นแล้ว ในปัจจุบันมีนวัตกรรมและแนวทางการรักษาที่หลากหลายซึ่งสามารถช่วยลดเลือนร่องรอยเหล่านี้ให้จางลงและเรียบเนียนขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกวิธีที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับชนิด ความรุนแรง และตำแหน่งของรอยแผลเป็นของคุณ
การรักษารอยแผลเป็นเบื้องต้น
สำหรับรอยแผลเป็นที่เพิ่งเกิดใหม่หรือมีลักษณะไม่รุนแรง การใช้ยาทาเป็นทางเลือกแรกที่เข้าถึงง่ายและลดความเสี่ยง โดยเจลซิลิโคน (Silicone Gel) ถือเป็นตัวช่วยที่ช่วยควบคุมความชุ่มชื้นและลดการสร้างคอลลาเจนที่มากเกินไป ส่วนครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินอีหรือสารสกัดจากหัวหอมก็ช่วยลดการอักเสบได้
การรักษารอยแผลเป็นด้วยหัตถการ
สำหรับรอยแผลเป็นบางชนิด การทำหัตถการโดยแพทย์จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า โดยการฉีดสเตียรอยด์เป็นวิธีที่ได้ผลดีมากในการทำให้แผลเป็นนูนและคีลอยด์ยุบตัวและนิ่มลง ในทางกลับกัน การฉีดสารเติมเต็มหรือโปรแกรมฟิลเลอร์ (Dermal Fillers) จะใช้สำหรับเติมเต็มรอยแผลเป็นชนิดหลุมให้ตื้นขึ้น
การรักษารอยแผลเป็นด้วยเทคโนโลยีที่ APEX
เทคโนโลยีและพลังงานคือเครื่องมือที่ทรงพลังในการรักษารอยแผลเป็นที่ APEX Clinic เรามีความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีโปรแกรมเลเซอร์อย่าง โปรแกรม Pico Laser ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการจัดการกับรอยแผลเป็นได้อย่างครอบคลุม โดยโปรแกรม Pico Laser สามารถส่งพลังงานความเร็วสูงลงไปทำลายเม็ดสีที่ผิดปกติ ทำให้รอยแดงและรอยดำจางลงอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ พลังงานยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิว เพื่อฟื้นฟูรอยแผลเป็นชนิดหลุมให้ตื้นขึ้นและเรียบเนียน ส่วนการผลัดเซลล์ผิว (Microdermabrasion) ก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยกรอผิวหนังชั้นบนอย่างอ่อนโยนเพื่อช่วยให้รอยแผลเป็นที่ตื้นดูจางลงได้
การผ่าตัดคืออีกทางเลือกสำหรับแผลเป็นที่รุนแรง
ในกรณีที่รอยแผลเป็นมีขนาดใหญ่ หดรั้งหรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือกที่จำเป็น ศัลยแพทย์จะทำการตัดรอยแผลเดิมออกแล้วเย็บแผลขึ้นมาใหม่ด้วยเทคนิคที่ประณีตกว่า เพื่อให้เกิดรอยแผลใหม่ที่เล็กและสังเกตเห็นได้น้อยลง
วิธีป้องกันการเกิดรอยแผลเป็นมีวิธีอะไรบ้าง
วิธีที่เหมาะสมในการจัดการกับรอยแผลเป็น คือการป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นตั้งแต่แรก ซึ่งหัวใจสำคัญนั้นอยู่ที่การดูแลแผลสดอย่างถูกวิธี การใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในช่วงที่แผลกำลังสมานตัว จะช่วยลดโอกาสการเกิดรอยแผลซ้ำ
- การรักษาความสะอาดของแผล
ล้างแผลด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสะอาดเบาๆ เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก จากนั้นปิดแผลให้มีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยให้แผลสมานตัวได้ดีและลดโอกาสการเกิดรอยแผลเป็น - การห้ามใจไม่แกะหรือเกาแผล
แม้จะมีอาการคัน แต่การแกะหรือเกาจะรบกวนการซ่อมแซมผิวโดยตรง อาจทำให้แผลอักเสบ ติดเชื้อ และเกิดเป็นรอยแผลเป็นที่นูนหรือมีสีเข้มกว่าปกติได้ - การปกป้องแผลจากแสงแดด
ผิวที่สร้างขึ้นใหม่จะบอบบางและไวต่อแสงแดดมาก การปล่อยให้แผลโดนแดดโดยตรงจะกระตุ้นการสร้างเม็ดสีที่ผิดปกติ ทำให้เกิดรอยแผลเป็นสีดำคล้ำที่รักษายาก จึงจำเป็นต้องทาครีมกันแดดและปกปิดแผลให้มิดชิด
สรุป วิธีไหนที่เหมาะสมในการรักษารอยแผลเป็น
ไม่ว่าร่องรอยบนผิวของคุณจะเป็นชนิดใด ปัจจุบันมีแนวทางการรักษาที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ ที่ APEX Clinic เราเชื่อว่าการรักษาที่ดีที่สุดคือการดูแลในหลากหลายด้าน เราจึงมีเทคโนโลยีที่ตั้งแต่ การใช้ยาทา การใช้โปรแกรมเลเซอร์เพื่อการรักษา ไปจนถึงหัตถการอื่นๆ การวินิจฉัยปัญหาอย่างถูกต้องและวางแผนการรักษาโดยแพทย์ของเรา คือหนทางที่เหมาะสมที่จะช่วยให้คุณลดเลือนร่องรอยกวนใจและกลับมามีผิวที่เรียบเนียนอีกครั้ง
ช่องทางการติดต่อ
- Tel : 080-500-0123
- Line : @apexbeauty
- Tiktok : apexprofoundbeauty
- Facebook : APEX Hospital & Beauty Clinic
- Instagram : apexbeauty
- Youtube : Apex Beauty Clinic
- X (Twitter) : ApexProfound
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัท ฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาทองหล่อ